travel with me

  วัดร่องขุ่น  เป็นวัดที่มีความสวยงามโดดเด่นจากวัดอื่นๆเพราะรูปแบบของสถาปัตยกรรมการออกแบบและก่อสร้างอย่างมีวิจิตรศิลป์ของอ.เฉลิมชัย(ศิลปินแห่งชาติ) ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปในวัด ฉันรู้สึกตะลึงกับความสวยงามของวัดและนักท่องเที่ยวที่เยอะมากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งวัดมีสีขาวบริสุทธิ์ที่ดูแล้วสะอาดตาไปหมด ประติมากรรมก็มีดีเทลเยอะและสวยอลังการมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกนึงเลยค่ะ เป็นอีกที่นึงที่ไม่ควรพลาดเลยถ้าไปเชียงราย

  ดินเนอร์กลางแม่น้ำเจ้าพระยา  เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดจริงๆเมื่อได้มากรุงเทพค่ะ เพราะยิ่งไปกว่าการได้ทานอาหารค่ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยาคือการที่เราได้ชมวิวยามค่ำคืนตลอดสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งสวยมากๆๆแสงสีในเมืองกรุงริบระยับตาไปหมด แนะนำว่าให้เลือกที่นั่งบนเรือสำราญที่ชั้นดาดฟ้าเปิดโล่งค่ะ จะสามารถเห็นวิวได้ 360 องศาเลยพร้อมรับลมเย็นๆฟินมากก เท่าที่จำได้เรือออกเดินทางจากเอเชียทีค ผ่านไอคอนสยาม วัดพระแก้ว วัดอรุณ สะพานพระราม8 สิ่งฉันประทับใจสุดๆคือวัดอรุณ วัดอรุณในตอนกลางคืนจะมีแสงไฟส่องรอบๆปรากฏเป็นสีส้มทองตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มองจากบนเรือแล้วสวยมากกเลยค่ะ นอกจากนี้บนเรือยังมีดนตรีสดให้ฟังเพิ่มความโรแมนติก+อาหารค่ำแบบบุฟเฟต์(อันนี้อาจจะมีหรือไม่มีนะคะแล้วแต่แพกเกจกับเรือที่เราเลือก) ทั้งหมดนี้ถึงมันอาจจะราคาสูงหน่อยแต่ถ้าเทียบกับความสุขที่ได้รับในขณะนั้นมันคุ้มค่ามากๆเลยค่ะ  

หอศิลป์ BBAC  เป็นสถานที่ที่จัดนิทรรศการศิลปะที่หลากหลายใจกลางกรุงเทพ ฉันตั้งใจบินไกลมาถึงกรุงเทพเพื่อที่นี่โดยเฉพาะเลยค่ะ การเดินทางมาที่หอศิลป์สำหรับฉันถือว่าง่ายมากๆ แนะนำมาลง Taxi หน้าห้างมาบุญครองหรือMBKแล้วเดินมาขึ้น sky walk จะมีทางเชื่อมไปถึงหอศิลป์เลยค่ะ การเข้าไปหอศิลป์สามารถเข้าไปชมได้เลยไม่เสียค่าเข้าสักบาท ซึ่งภายในหอศิลป์จะมีทั้งหมด 9 ชั้น แต่ละชั้นจะมีผลงานศิลปะหลากหลายประเภทให้ได้ชม โซนที่ฉันชอบที่สุดในหอศิลป์จะเป็นชั้น 5 ซึ่งช่วงที่ฉันไปมีการเผยแพร่ผลงานในเรื่องของมลพิษและการประท้วงเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ที่หอศิลป์มีมุมถ่ายรูปที่สวยเยอะแยะมากเพราะที่นี่จะมีโทนสีขาว ครีม สไตล์มินิมอลแนะนำว่าถ้าจะมาให้แต่งตัวคุมโทนมินิมอลเข้าไว้รับรองว่าถ่ายมุมไหนๆก็รอดแน่นอนค่ะ การไปหอศิลป์ครั้งนั้นทำให้ชีวิตฉันรู้สึกคอมพลีทมากก ฉันเดินดูทุกซอกทุกมุมในหอศิลป์ตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 9 แบบไม่เบื่อเลย อาจจะเพราะตอนนั้นฉันอินกับงานศิลปะมากๆ ฉันเลยชอบที่นั่นมากๆเลยค่ะ

  แหลมพรหมเทพ คือแลนด์มาร์กของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถ้าไปภูเก็ตแล้วไม่ได้ไปที่นี่ก็ถือว่าไปไม่ถึงจริงๆค่ะ ที่แหลมพรหมเทพมีวิวทะเลที่สวยมากๆ โดยเฉพาะช่วงที่อาทิตย์กำลังจะตกดินที่เค้าว่ากันว่าที่นี่เป็นจุดชมวิวอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในประเทศไทย และฉันก็ได้มีโอกาสไปสัมผัสด้วยตาตัวเองแล้ว แสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ที่กระทบกับผิวน้ำทะเล สวยราวกับภาพวาดจริงๆค่ะ โดยที่บริเวณแหลมพรหมเทพนั้นจะมีขอบปูนให้ได้นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินกันแบบฟินๆเลย และนอกจากนี้บริเวณแหลมพรหมเทพยังมีประภาคารกาญจนมภิเษกที่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของการเดินเรือในท้องทะเลที่สำคัญของอันดามันด้วย แนะนำเลยค่ะที่แหลมพรหมเทพอย่างน้อยต้องมาให้ได้กันสักครั้ง ถึงแม้วันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ฉันก็ยืนยันเลยว่าวิวของพระอาทิตย์ตกดินที่นี่สวยอยู่เสมอเลย

เกาะหลีเป๊ะ  บรรยากาศที่เกาะหลีเป๊ะช่วงที่ฉันไปคึกคักมากๆ 80%ของทั้งเกาะคือชาวต่างชาติ มันเปิดหูเปิดตาฉันมากตอนนั้นรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ประเทศไทยเลยค่ะ5555เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่ฝรั่ง เมื่อฉันมาถึงที่เกาะและเก็บกระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ออกไปเดินที่ถนนคนเดิน นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้ว่าที่เกาะหลีเป๊ะมีถนนคนเดินด้วย555ถนนคนเดินที่นั่นจะเป็นฟีลเมืองนอกและแน่นอนว่าของกินก็ราคาแพงอยู่พอสมควร ฉันเดินเล่น+กินที่ถนนคนเดินอยู่พักนึงก็ทะลุออกไปที่ชายหาด ที่ชายหาดบรรยากาศดีและคึกคักมากตอนที่ฉันไปเดินพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินพอดี ฉันเลยเดินเลาะริมทะเลไปเรื่อยๆเจอร้านอาหาร+บาร์ต่างๆมากมาย บังเอิญวันที่ฉันไปคือวันที่ 31\12\65 เป็นวันส่งท้ายปีเก่า(จริงๆก็ตั้งใจไปแหละ ) ในตอนกลางคืนของวันนั้นผู้คนเกือบทั้งเกาะก็ทยอยมารวมตัวกันที่หน้าชายหาดเพื่อรอเคาท์ดาวน์ขึ้นปีใหม่กันขอบอกเลยว่าคนเยอะมากๆจริงๆค่ะ ในคืนนั้นมีพลุเยอะมากๆเต็มท้องฟ้าเลยโดยเฉพาะตอนเที่ยงคืน ฉันรู้สึกตื่นเต้นและแฮปปี้สุดๆเพราะมันสวยมากจริงๆ ทำให้การเคาท์ดาวน์ครั้งนั้นเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับฉันมากๆ 

เกาะไข่ เป็นทางผ่านตอนที่ฉันเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะฉันจึงได้แวะเที่ยวชมที่นี่เป็นเวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นค่ะ ซึ่งเกาะไข่เป็นเกาะที่สวยมากก ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะสวยขนาดนี้ ทรายที่เกาะไข่เป็นสีขาวที่ขาวจริงๆมีความเนียนละเอียดนุ่มนวล และมีน้ำทะเลใสกิ๊งเหมือนกับกระจกค่อยๆไล่สีไปจนเข้ม และจากที่ฉันสังเกตคือในรอบๆเกาะไข่มีปะการังอยู่พอสมควรเลย ที่สำคัญที่สุดเกาะไข่มีซุ้มหินที่สวยงามที่หลายๆคนอาจคุ้นตาเป็นอย่างดีเพราะมันคืออีกนึงเอกลักษณ์ของจังหวัดสตูล ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะมาเก็บรูปสวยๆวิวสวยๆจากตรงนี้นั่นเองค่ะ นอกจากนี้เกาะไข่ยังมีความสำคัญกับธรรมชาติมากๆเนื่องจากป็นแหล่งที่วางไข่ของเต่าจำนวนมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรียกเกาะแห่งนี้ว่า “เกาะไข่” ด้วยความสวยงามมากๆของที่เกาะแห่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกเสียดายที่ได้มาเยือนชมแค่ 15 นาที เพราะต้องออกเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะต่อ ถ้ามีโอกาสอีกฉันจะมาที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ :))